[fuse. Review] – หนังสือเดินทาง THE ROLLING OF AN UNROUNDED CIRCLE (นที ยืนยงวัฒนากูล, 21.21 นาที)

*มีการเปิดเผยเนื้อหาและตอนสำคัญ

เรื่องราวของเหวิน เด็กชายวัย 12 ที่จำเป็นต้องทำพาสปอร์ตเพื่อเดินทางไปแข่งขันความสามารถทางคณิตศาสตร์ที่ประเทศเกาหลี แต่การไปแข่งขันนั้นก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อเขาต้องให้ผู้ปกครองเป็นคนพาไปทำพาสปอร์ตเพื่อให้สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ การเดินทางครั้งนี้ทำให้เหวินได้สำรวจสมาชิกในครอบครัวของเขาที่อาศัยอยู่คนละที่ หนังสือเดินทางเล่มเล็กทำให้การเดินทางของเด็กชายพาผู้ชมตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ ความหมาย และความเป็นไปของครอบครัวอย่างราบเรียบและเงียบสงบเช่นเดียวกันกับบุคลิกของเด็กชายเอง แต่ละฉากและเรื่องราวในภาพยนตร์พาผู้ชมสำรวจความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวของเหวินผ่านฉาก บรรยากาศและสิ่งของต่างๆ ในบ้าน ที่สื่อสารและบอกเล่าเรื่องราวของสมาชิกในบ้านแต่ละคน ที่ต้องใช้ชีวิตด้วยวัตถุประสงค์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน

เหวินอาศัยอยู่กับกงหรือคุณปู่ในบ้านหลังใหญ่ที่มีสมาชิกทั้งหมดสองคน คุณปู่รับหน้าที่ดูแลและเตรียมอาหารให้กับหลานเช้าสำหรับมื้อเช้าและมื้อเย็นในทุกๆ วัน ความสัมพันธ์ของกงกับหลานแน่นแฟ้นด้วยมื้ออาหารที่แน่นไปด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ในขณะที่อากงดูเหมือนจะใส่ใจกับอาหารที่ดีที่สุดให้กับอาเหวิน บ้านที่อยู่อาศัยของทั้งสองกลับมีของใช้มากมายที่ฝุ่นจับ อีกทั้งยังถูกจัดวางอย่างไม่ตั้งใจราวกับเป็นของที่ไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว มีเพียงแค่ประตูเหล็กบานเล็กเท่านั้นที่ถูกเปิดเข้าออก ในขณะที่ของใช้ชิ้นอื่นๆ ถูกวางโดยไม่ถูกใช้งานชวนให้นึกถึงอดีตที่บ้านหลังนี้อาจเคยเป็นครอบครัวใหญ่ มีคนอยู่มากมายจนต้องการพื้นที่และอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่นเดียวกันกับภาพเขียนผนังด้วยลายมือของอาเหวินเมื่อสมัยยังเด็ก กับรูปบ้านและสมาชิกในครอบครัวถึง 4 คนของเขา

อาเหวินต้องเดินทางไปหาพ่อเพื่อนัดวันทำพาสปอร์ตให้กับตนเอง ที่อยู่ของพ่อเป็นอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ ที่มีเพียงห้องนอนที่เหมาะสำหรับการอยู่คนเดียวเท่านั้น ของใช้บนโต๊ะเป้น้ำดื่มชูกำลัง น้ำดื่มและเครื่องใช้ต่างๆ ที่พ่อของเหวินต้องใช้ในการออกไปทำงาน แต่ถึงแม้ว่าสิ่งของแต่ละอย่างในห้องจะบอกกับเราว่าพ่อของเหวินอาศัยอยู่คนเดียวเพื่อทำงานหารายได้จนทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับเหวินและอากงได้ ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกกับแสดงถึงความแน่นแฟ้นด้วยกิจกรรมการแคะหูและบทสนทนาที่เรียบง่ายที่เต็มไปด้วยความห่วงใย รวมไปถึงที่มาของรายรับของเหวินและอากงซึ่งพ่อเป็นผู้ดูแล แต่เมื่อต้องถามถึงข้อมูลของแม่ ผู้เป็นพ่อกลับแสดงความไม่มั่นใจในข้อมูลที่ตนเองมี และถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น พ่อก็ยังพาเหวินมาหาแม่ที่บ้านของเธอ แต่เลือกที่จะจอดรถในระยะห่างที่ไกลเกินจะได้เข้ามาสนทนากัน

บทสนทนาของเหวินและแม่นั้นห่างเหินแตกต่างกับสิ่งของบทโต๊ะทานข้าวซึ่งเป็นพื้นที่สนทนาของแม่ลูก สรรพนามและรูปประโยคที่เหวินและแม่ใช้ในการพูดคุยนั้นแสดงถึงความห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด ประโยคลงท้าย “คะ” หรือ “จ้ะ” ของแม่แสดงถึงความสุภาพที่มีกับคนเป็นลูกอย่างมากเกินความจำเป็น ในขณะที่รูปถ่ายที่อยู่ในบ้านของแม่นั้นมีทั้งภาพแต่งงานและภาพคู่ชายหญิงที่ชวนให้เข้าใจได้ว่าตอนนี้แม่ของเหวินน่าจะอยู่กับครอบครัวใหม่ เช่นเดียวกันกับของใช้บนโต๊ะอาหารของเธอ ซึ่งทั้งหมดเป็นของที่สามารถแชร์กับสมาชิกในบ้านได้ ไม่ใช่ของที่ถูกซื้อมาเพื่อใช้งานคนเดียว ทั้งขวดซอส กระปุกแยม และขนมบนโต๊ะนั้นเป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับมื้อเช้าของครอบครัวใหญ่ ต่างกับบ้านของอากงที่ทุกอย่างถูกมัดปิดถุงไว้และไม่ได้ใช้งาน

ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องไปอย่างเรียบง่ายและไร้ซึ่งฉากที่เรียกอารมณ์ให้หวั่นไหว แต่บรรยากาศทั้งหมดในฉากนั้นกลับชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ที่ห่างเกินของสมาชิกในครอบครัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สมาชิกในบ้านแต่ละคนมีความจำเป็นในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน อากงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการดูแลหลานคนเดียวของเขาอย่างเต็มที่ พ่อที่ต้องออกจากบ้านเพื่อสร้างรายได้กลับมาให้ครอบครัว ในขณะที่แม่อาจต้องดูแลครอบครัวใหม่ เด็กชายเดินทางไปพบกับข้อจำกัดต่างๆ ที่ทำให้ภาพเขียนผนังของเขาเป็นเพียงแค่ภาพเขียนในวัยเด็ก ในขณะเดียวกัน การเดินทางของเขาเองก็กำลังเริ่มต้นขึ้นเช่นเดียวกันกับสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ที่กำลังดำเนินไปบนเส้นทางที่แตกต่าง แต่พวกเขายังคงมีความสัมพันธ์ต่อกัน แม้อาจไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ในฝันอย่างที่เคยวาดเอาไว้

ตลอด 21 นาทีของภาพยนตร์สั้นพาเราไปพบกับความสับสน ความไม่เข้าใจ และความกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้นในครอบครัวผ่านตัวละครหลักอย่างเหวิน แต่ในขณะเดียวกันตัวละครก็แต่ละตัวก็ไม่ได้ตัดสินการกระทำของกันและกัน เราอาจไม่จำเป็นต้องเข้าใจสาเหตุที่พวกเขาต้องอยู่ห่างกัน ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ดีใจไปกับอาเหวินที่ได้พบกับแม่อีกครั้ง แต่ภาพยนตร์เองกำลังพาเราทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ไปพร้อมกันกับเหวิน เพื่อเตรียมตัวให้กับการเดินทางครั้งใหม่ของเขาเอง โดยมีอากงเป็นผู้ดูแลพาสปอร์ตและอาเหวินต่อไป