Trashure ขยะที่(ไม่)ไร้ค่า อนิเมชันความยาว 6 นาทีเศษเรื่องนี้ เล่าเรื่องของถุงพลาสติกน้อย ตั้งแต่ถูกผลิตขึ้นในโรงงานแห่งหนึ่ง ถูกขนส่งไปยังร้านค้า ถูกใช้ใส่สิ่งของให้ลูกค้า ก่อนจะถูกโยนทิ้งด้วยความมักง่าย จากนั้นหนังก็เล่าให้เห็นผจญภัยเล็กๆ ของเจ้าถึงพลาสติกน้อยๆ ด้วยรูปภาพลายเส้นง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เป็นมิตรกับคนดูรุ่นเยาว์
ความน่าสนใจของชื่อเรื่องภาษาอังกฤษของหนังสั้นเรื่องนี้ หนังใช้คำว่า trashure แปลความหมายได้ว่า สิ่งของสิ่งหนึ่งที่เคยเป็น trash หรือขยะของใครก็ตาม จนถูกทิ้งขว้าง กระทั่งได้มาเป็น treasure ที่แปลว่าสิ่งมีค่า ของคนอีกคนหนึ่ง จัดว่าเป็นการเล่นคำของ trash มาผสมรวมเข้ากับคำว่า treasure เป็น trashure หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ สิ่งของสิ่งเดียวกันสามารถเป็นได้ทั้งขยะ (trash) และสิ่งมีค่า (treasure) ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นมุมมองของใคร
การใส่อารมณ์ความรู้สึกบน ‘ใบหน้า’ ให้เจ้าถุงพลาสติกน้อยและกระดาษหนังสือพิมพ์ สื่อถึงการมีชีวิตจิตใจไม่ต่างจากมนุษย์ อาจทำให้คนดูรุ่นเยาว์เชื่อมโยงถึงจิตใจของพวกขยะต่างๆ และได้ตระหนักรู้เรื่องการทิ้งขยะไม่เป็นที่ได้ไม่ยาก แต่จากบทสนทนาของถุงพลาสติกน้อยกับกระดาษหนังสือพิมพ์มีการพูดถึง ‘พวกมนุษย์ใจร้าย’ ซึ่งเป็นการสั่งสอนคนดูเรื่องการทิ้งขยะให้ถูกที่แบบตรงไปตรงมามากเกินไป ควรใช้ชั้นเชิงในการสื่อถึง message เรื่องการทิ้งขยะให้ถูกที่ ลงในหนังมากกว่านี้
แม้ว่า Trashure ได้เล่าเรื่องจินตนาการออกมาผ่านอนิเมชันถึงขยะที่มีจิตใจออกมาได้ดีแล้ว แต่ยังเป็นการเล่าเรื่องที่ยังอยู่ยึดขนบและอยู่กรอบ ไม่มีความ think out of the box เพราะในโลกจินตนาการของอนิเมชั่นควรไปได้ไกลกว่านี้ และวิธีที่จะทำให้ตัวหนังไปได้ไกล จึงไม่ควรยึดติดกับรูปแบบ, กรอบความคิด, หรือการสั่งสอนใดๆ ควรเอาแค่ message ที่ต้องการจะสื่อ จากนั้นก็ค่อยหารูปแบบของจินตนาการ ที่จะสามารถถ่ายทอด message นั้นไปยังคนดู ก่อนจะปรุงรสด้วยความบันเทิงและสีสันของโลกจินตนาการที่ดึงดูดผู้ชม
ยกตัวอย่างภาพยนตร์อนิเมชันที่สื่อ message ใกล้เคียงกับ Trashure แต่ใช้รูปแบบของจินตนาการที่ไม่ติดกรอบ ไม่ได้จงใจสั่งสอนคนดูโต้งๆ ทว่าได้ส่ง message เรื่องขยะ ไปยังคนดูแบบครบถ้วนสมบูรณ์ความ พร้อมกับทำให้คนดูได้ตระหนักรู้การสร้างขยะจำนวนมากจนกำจัดไม่ไหว นั่นก็คือหนังเรื่อง Wall-E อนิเมชั่นปี 2008 ของค่ายพิกซ่าสตูดิโอ
Wall-E เล่าถึงหุ่นรีไซเคิลขยะรุ่นเก่า ที่ถูกทิ้งไว้บนโลกอันรกร้างเพียงลำพัง กับแมลงสาปหนึ่งตัว ขณะที่มนุษย์และหุ่นยนต์อื่นๆ พากันอพยพย้ายถิ่นขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศยานมโหฬาร ที่แบกเอาประชากรทั่วทั้งโลกอพยพขึ้นไปอาศัยลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอวกาศ แทนพื้นโลก เพราะโลกเกิดมลพิษ ขยะล้นโลก พืชพันธุ์ล้มตาย ไม่มีทั้งอาหารและแหล่งน้ำ จนวันหนึ่ง หุ่นสำรวจที่สร้างด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทค ชื่อว่า เอวา ถูกส่งมาปฏิบัติภาระกิจ การผจญภัยของสองหุ่นจึงเริ่มขึ้น
ความจริงแล้ว หนังทั้ง Trashure และ Wall-E ล้วนสื่อ message เรื่องการทิ้งขยะ แต่ความแตกต่างของ Trashure กับ Wall-E หากมองข้ามเรื่องทุนสร้าง ก็อยู่ที่จินตาการที่ติดกรอบกับจินตนาการที่พา message ดังกล่าวไปได้ไกลพ้นถึงห้วงจักรวาลอันไกลโพ้น ใน Wall-E ขยะไม่ได้ถูกชูเป็นตัวละครเพื่อดำเนินเรื่องแบบ Trashure แต่ขยะอยู่แค่ฉากหลัง ของโลกที่ถูกทิ้งร้างและเต็มไปด้วยขยะจำนวนมหาศาล ที่ไม่สามารถกำจัดได้หมดสิ้น Wall-E ไม่มีการโยนความผิดเรื่องขยะล้นโลกไปยัง ‘พวกมนุษย์ใจร้าย’ แต่ทั้งภาพของกองขยะมหึมา พร้อม มนุษย์ที่ต้องย้ายออกจากโลกไปอยู่บนอวกาศนานนับชั่วคน เพราะไม่สามารถอาศัยอยู่บนโลกได้อีก สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งแรงกระเพื่อม และกระตุ้นให้คนดูเห็นผลเสียของการทิ้งขยะได้อย่างลึกซึ้งมากกว่าการสั่งสอนตรงๆ แบบไร้ชั้นเชิง
หากตีความว่า ขยะ คือสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ จนถูกทิ้งขว้าง ทว่าแม้จะเป็นแค่สิ่งของแต่กลับมีชีวิตจิตใจเหมือนมนุษย์ หนังเรื่อง A.I. Artificial Intelligence ของผู้กำกับ Steven Spielberg ก็ได้ถ่ายทอดประเด็นนี้เอาไว้ อย่างสุดล้ำจินตนาการสมกับฉายาพ่อมดฮอลลีวูด โดย A.I. Artificial Intelligence เล่าถึง เดวิด หุ่นเด็กเอไอ ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย จนเดวิดมีจิตใจความรู้สึกเฉกเช่นเด็กมนุษย์คนหนึ่ง ทว่าด้วยความเข้าใจผิดของพ่อแม่มนุษย์ ทำให้เขาถูกนำไปทิ้ง และถูกกวาดรวมกับหุ่นเอไอตัวอื่นๆ ที่ล้วนถูกมนุษย์ทิ้งขว้างมา จากหุ่นเอไอสุดล้ำ จึงถูกลดสถานะเป็นได้แค่เพียงขยะ ที่รอวันเสื่อมสลาย
ใน A.I. Artificial Intelligence เดวิดเองก็ได้เดินทางในวิถีที่ตัวเขาเองทั้งไม่เข้าใจและควบคุมปัจจัยใดๆ ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาได้อาศัยอยู่ในบ้านกับมนุษย์ เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่อบอุ่น ได้รับความรักจากแม่มนุษย์ ที่นำเขามาเลี้ยงแทนลูกชายแท้ๆ ของเธอ เช่นเดียวกับเจ้าถุงพลาสติกใน Trashure แม้จะถูกสร้างมาให้เป็นปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูง ที่สามารถคิดและเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เดวิดกลับมีจิตใจของเด็กน้อย ที่มีความปรารถนาจะกลายเป็นเด็กมนุษย์จริงๆ เพื่อแม่มนุษย์ของเขาจะได้มอบความรักให้เขาอีกครั้ง
อีกสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกันระหว่างเจ้าถุงพลาสติกใบน้อยกับเดวิด ก็คือระหว่างการเดินทาง อันไร้จุดหมายปลายทางนั้นเอง ทั้งสองได้พบกับ ‘เพื่อนร่วมทาง’ ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ได้แบ่งปันเรื่องราวระหว่างกัน ก่อเกิดเป็นมิตรภาพในเวลาอันสั้น ได้เรียนรู้เรื่องราวบนโลกผ่านคำบอกเล่าของอีกฝ่าย ถุงพลาสติกน้อยได้พบกับกระดาษหนังสือพิมพ์ ส่วนเดวิด ได้พบกับ โจ หุ่นบริการทางเพศสำหรับผู้ใหญ่ ที่หนีคดีจากในเมืองเข้ามาในป่า
ขณะที่กระดาษหนังสือพิมพ์จากไปด้วยการย่อยสลายของสายฝน โจ ก็ถูกจับกุมด้วยข้อหาฆาตกรรมมนุษย์ ทั้งถุงพลาสติกน้อยและเดวิดจึงจำใจต้องบอกลาเพื่อนร่วมทางของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม Trashure ทำได้ดีในการทำสภาวะของการล่องลอยไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะถูกนกจิก ถูกลมพัดตกลงในแหล่งน้ำ เจ้าถุงพลาสติกก็ทำได้แค่ลอยตามกระแสน้ำ โดยในการเดินทางเหล่านี้ เจ้าตัวไม่สามารถควบคุมสิ่งใดได้ เป็นลักษณะเด่นของ ‘สิ่งของ’ ทำให้เนื้อเรื่องเกิดความสมจริงในแง่ของการเป็นถุงพลาสติกบวกกับการใส่จิตใจของเด็กน้อยให้กับเจ้าถุงพลาสติก ก็ช่วยให้คนดูรุ่นเด็กๆ สามารถเชื่อมโยงกับตัวละครตัวนี้ได้ไม่ยาก ด้านภาพถึงจะเป็นลายเส้นง่ายๆ คล้ายลายเส้นดินสอ ที่เด็กๆ วาด แต่ก็ได้ภาพที่ดูง่าย สื่อถึงเหตุการณ์ต่างๆ ไปจนถึงความรู้สึกจิตใจของตัวละครทุกตัวในเรื่องได้ชัดเจน