*มีการเปิดเผยเนื้อหาและตอนสำคัญ
มีมี่สาวน้อยวัย14 นั่งคร่ำเครียดกับกองตำราเรียนจนล่วงเลยเวลานอนไปมากแล้ว แต่คนเป็นพ่อยังคงชี้นิ้วบีบบังคับให้ลูกท่องหนังสือต่ออย่างไม่ใยดีกับสุขภาพใดๆของลูกสาวตัวน้อย แม้ในที่สุดจะแลกมาด้วยผลการเรียนดีเด่น แต่พ่อกลับเรียกร้องให้ลูกปีนให้สูงไปกว่านั้น ความทะยานอยากเหนือคนอื่นของเขาคือมีดแห่งปีศาจที่คอยทิ่มแทงตนเองให้เคี่ยวเข็ญลูกอย่างไม่หยุดหย่อน
ทางการแพทย์ได้พิสูจน์มานักต่อนักแล้วว่า ผู้ใหญ่ที่บีบบังคับเด็กจนเกินไป (Overdomination) โดยเฉพาะเรื่องของการเรียนจะนำไปสู่การหลั่งอย่างท่วมท้นของฮอร์โมนแห่งความเครียด เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ คือ เครียด-ซึมเศร้า-ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ-เครียด-ซึมเศร้า-ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ฯลฯ ก่อให้เกิดโรควิตกกังวล นอนไม่หลับ เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และติดเชื้ออย่างง่ายดาย
นั่นเท่ากับผู้ใหญ่ได้ตั้งเวลาเพื่อรอวันระเบิดของสุขภาพกายสุขภาพจิตของคนที่คุณมั่นใจว่ารักที่สุด นั่นคือ..ลูกของคุณเอง
พ่อแม่ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ คือคนที่คาดหวังสูงจนเกินไป (Perfectionist) เอาแต่ใจตนเองขาดการยืดหยุ่น จู้จี้ขี้บ่น ไม่เข้าใจไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่น โดยเฉพาะลูกของตนเองที่แทบจะกลายเป็นหนูถีบจักรที่ถูกกระตุ้นให้วิ่งไปไม่หยุดไม่ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานแค่ไหนก็ตาม
แม้เด็กจะฝืนทนเอาใจพ่อแม่จนเรียนได้คะแนนดีเพียงใด ก็ยังไม่ตอบสนองความต้องการอันไม่สิ้นสุดของพวกเขาได้ ลูกจึงกลายเป็นเหยื่อบริสุทธิ์ที่รองรับทั้งความรู้สึกต่ำต้อยและความทะยานอยากของพ่อแม่ ลูกจึงกลายเป็นทั้งคนสยบยอม (Passive) และคนก้าวร้าว (Aggressive)
“นี่ๆ..ดูสิ มิวเขาเรียนเก่งด้วยรวยด้วย ก็เพราะเค้าเป็นหมอไง..เห็นมั้ย แล้วเหม่ยเหม่ยเพื่อนลูกอีกคนไง เค้าก็เพิ่งได้เกียรติบัตรเรียนดีเลิศระดับA+ทุกวิชาเลยนะ ทำไมลูกไม่ทำให้ได้แบบคนอื่นเค้าหละ…! ”
“แล้วอีกอย่างนะ วงศ์ตระกูลเราเรียนเก่งๆระดับสุดยอดกันทั้งนั้น ..ลูกอย่าทำให้พ่อแม่ต้องขายขี้หน้าญาติๆ”
“ลูกมัวทำบ้าอะไรอยู่ พ่อแม่ทุ่มเทเงินทองเท่าไหร่แล้วที่ส่งเสียให้เรียนให้ติวแพงๆ แล้วมาตอบแทนด้วยการทำเรื่องไร้สาระอย่างนี้เหรอ..โคตรน่าผิดหวังที่สุด…”
วาทกรรมบั่นทอนจิตใจบวกพฤติกรรมที่กดดันลูกไม่เว้นวัน ล้วนแล้วแต่ทำให้คนเป็นลูกเหมือนกำลังยืนอยู่บนปากเหว และพร้อมจะกระโดดลงไปยังเบื้องล่าง ด้วยความรู้สึกทนทรมานที่สั่งสมมานานมากแล้ว
พ่อแม่ประเภทนี้อาจไม่สนใจหรอกว่า องค์กรระดับโลกอย่าง UNESCO ระบุอย่างชัดเจนว่า การศึกษาของไทยตกต่ำลง ทั้ง ๆ ที่เด็กไทยเรียนหนักมากที่สุดในโลก นั่นคือเรียนมากถึง 1,200 ชั่วโมงต่อปี (นี่ไม่นับเวลาที่ไปติวไปเรียนพิเศษอีกสารพัด) โดย UNESCO สรุปให้ว่า เด็กไทยเบื่อหน่ายระบบการเรียนการสอบของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง เรียนหลายวิชาเกินไปแต่นำมาใช้ไม่ได้เลย แถมเรียนหนักมากเหมือนโดนยัดเยียด ในขณะที่เล่นกีฬา-ออกกำลังกาย-ทำกิจกรรม-ใช้ความคิดสร้างสรรค์..น้อยมาก
“การคาดหวังในตัวเด็กไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่บางครั้งผู้ปกครองเองก็ลืมไปว่าเป้าหมายในชีวิตนั้น..ลูก ๆ ต้องเป็นผู้กำหนดไม่ใช่เรากำหนด การที่เราไปกำหนดเป้าหมายให้บ่อยครั้งเราก็กำหนดผิดทิศและกำหนดยากเกินไปสำหรับเด็ก ผู้ปกครองเพียงแต่แนะนำเป็นแนวทางเท่านั้น” – พ.ญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ รอง ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์
“พ่อแม่ที่มีความสมดุลทางจิตใจจะไม่แคร์แม้แต่น้อยเลยว่า ลูกชายจะไปเป็นคนขับแท็กซี่หรือเป็นเจ้าสัว สิ่งที่เขาสนใจอยู่ที่..ลูกของฉันเป็นคนมีความสุขหรือเปล่า? มีคุณค่าสำหรับมนุษยชาติแค่ไหน?” – เอเอสนีล.ผู้ก่อตั้งโรงเรียนเสรีภาพซัมเมอร์ฮิลล์ (จากหนังสือ เสรีภาพไม่ใช่การตามใจ ผู้แปล..สมบัติ พิศสะอาด)