[fuse. Review] – Good Morning, Good Night / ราตรีสวัสดิ์ตอนเช้า (อนนต์ พูนเจ้าทรัพย์, 20.49 นาที)

*มีการเปิดเผยเนื้อหาและตอนสำคัญ

เหมือนเป็นเพียงการบันทึกภาพความเป็นไป ที่เกิดขึ้นในครอบครัวชนชั้นล่างที่เผยให้เห็นเรื่องราวของพวกเขาเอง ที่ใช้ชีวิตและมีความสุขตามอัตภาพ ดำเนินไปไม่ต่างจากการดูหนังเรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา แล้วก็มีฉากหลังบาง ๆ เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองและโรคระบาดไวรัสโควิด-19 แต่กลายเป็นหนังสารคดีสั้นเรื่องนี้มันกลับให้รู้สึกว่า ยังมี story หรือ subject ที่น่าสนใจอีกมากมายมหาศาลที่ซุกซ่อนอยู่ในสังคมไทย ซึ่งเฝ้าคอยให้ใครซักคนหรือหลายคนไปขุดคุ้ยและเสาะแสวงหา-เพื่อนำมาถ่ายทอด หรือแม้กระทั่งเปิดโลกทัศน์และการรับรู้ของผู้ชม ส่วนที่ทำให้ฉุกคิดหลังจากดูสารคดีเรื่องนี้จบก็คือ การย้อนกลับไปสมัยเด็ก ๆ หรือหลายสิบปีที่แล้ว ช่วงที่โซเชียลมีเดียยังไม่ได้บูมมากนัก โทรทัศน์คือแหล่งบันเทิงชั้นเยี่ยมที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เมื่อเลื่อนผ่านไปทีละช่อง ทีละช่อง ก็จะพบกับคอนเทนต์มากมาย ทั้งละคร สารคดี ข่าวสาร และเกมโชว์ ซึ่งแต่ละเกมโชว์ก็จะมีรายละเอียดข้างในที่แตกต่างกันไป

โดยเป้าหมายหลักๆ ก็คือสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ชมทางบ้าน แต่หนึ่งในความเพลิดเพลินดังกล่าวกลับเป็น ภาพคนที่ต้องพิสูจน์ตัวตนด้วยการแหกปากร้องเพลง หรือเล่นเกมเสี่ยงโชคก็เพื่อนำเงินรางวัลเหล่านั้นไปปลดหนี้ จ่ายค่าเทอมของลูกหลาน ใช้ซื้อข้าวกินไปอีกสิบกว่าวัน หรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งมันอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับเราที่นั่งดูรายการเหล่านั้น โดยปราศจากความกังวลว่า มื้อต่อไปจะมีอะไรกินหรือไม่ หรือพรุ่งนี้ต้องเดินทางยังไงให้ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด แต่มันอาจจะง่ายดายเกินไป จนถึงขั้นที่เผลอมองข้ามความลำบากตรงหน้า แล้วคิดว่าปัญหาเชิงโครงสร้างที่ถูกมองให้เป็นความโรแมนติกกินใจเสียอย่างนั้นแทน

ศูนย์กลางที่ปรากฏในสารคดีเรื่อง Good Morning, Good Night คือกลุ่มผู้ชายวัยกลางคนที่ประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในยามค่ำคืน ส่วนนอกเหนือเวลางานพวกเขาก็คือมนุษย์ทั่วไปที่มีเรื่องในชีวิตให้ต้องรับผิดชอบและมองหาความสุขจากการรับชมสื่อบันเทิงที่อยู่ใกล้ตัว เช่น การชมภาพยนตร์ หรือรายการโทรทัศน์ ขณะเดียวกันสิ่งที่ตลบอบอวลออกมาจากตัวเนื้อหาของสารคดีก็สะท้อนให้เห็นว่ามันไม่ใช่ความเรียบง่ายที่มาจากความสมัครใจ แต่มาจากความขาดแคลนและความไม่มีที่พวกเขาเลี่ยงไม่ได้ต่างหาก

แล้วด้วยเรื่องราวที่เหมือนไม่มีเป้าหมาย ก็มีปมสำคัญที่แทรกอยู่ในหนังอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด ซึ่งภายใต้เรื่องราวและด้วยมุมมองของตัวบุคคลที่ไปไกลกว่าเรื่องการดำรงชีวิตของตัวเอง Good Morning, Good Night ไม่ใช่แค่หนังสารคดีที่นำเสนอชีวิตผู้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากยังแฝงการวิพากษ์สังคม, เศรษฐกิจ หรือการเมืองไปพร้อม ๆ กัน และทำให้เกิดอาการมองว่าอาชีพรักษาความปลอดภัยเป็นอาชีพที่ไม่คุ้มเสี่ยง อาจจะเพราะรายได้ที่น้อยนิดและสวัสดิการที่แทบจะไม่มีเลย ซึ่งเมื่อเทียบกับภาระหน้าที่ที่อันตราย และศักดิ์ศรีที่ต้องแลกไปเวลาถูกใครหลายคนมองในเชิงหยามเหยียด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็นับเป็นอาชีพหนึ่งที่ไร้หลักประกันให้กับชีวิต แต่ในอีกระดับหนึ่ง หนังก็ไม่ได้เพียงฉายภาพรวมของคนชนชั้นแรงงาน หากจับจ้องพวกเขาในฐานะผู้คน หนังฉายภาพของมนุษย์ที่พยายามจะเอาตัวรอด และมีชีวิตเท่าที่จะมีได้ในโลกที่พวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งอีกต่อไป ความงดงามคือการที่หนังไม่ได้ทำหน้าที่แค่วิพากษ์สังคม หากเพ่งจ้องเข้าไปในปัจเจก สอดส่องรายละเอียดของชีวิตที่เพียงเฝ้ามองและให้ชีวิตนั้นโอบกอดผู้ชม

แต่ถ้าให้พูดอีกแบบคือ Good Morning, Good Night เป็นหนังสารคดีที่ไม่ได้เน้นหรือให้ความสำคัญกับพล็อตเป็นหลักใหญ่ เส้นเรื่องนั้นมีอยู่เบาบางหลวม ๆ และค่อนข้างเรียบง่าย ขณะที่ฉากหลังเกี่ยวกับเหตุการณ์สังคมการเมือง ก็นำพาผู้ชมไปสัมผัสพร้อม ๆ กับผู้เดินเรื่อง (และมีโอกาสรับรู้เท่า ๆ กับพวกเขา) ในลักษณะเหมือนผ่านไปพบเจอ โดยไม่เล่าอธิบายลงลึกถึงที่มาที่ไปใด ๆ เลย และที่สำคัญยิ่งคือ เป็นการสะท้อนภาพที่ปราศจากทัศนะความเห็นของคนทำหนัง ไม่ว่าจะในเป็นแง่บวกหรือแง่ลบ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ทำให้มันปักหมุดการทำความเข้าใจแก่นเรื่องของหนังอย่างตรงไปตรงมา แถมนอกจากสารคดีเรื่องนี้จะทำให้เห็นชีวิตของตัวบุคคลในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาอยู่แล้ว การตามติดพวกเขายังเผยให้เห็นถึงชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดภายใต้ความเหลื่อมล้ำที่กดทับให้พวกเขากลายเป็นคนนอกของโครงสร้างสังคม นำไปสู่คำถามปลายเปิดมากมายที่ชวนให้ขบคิด ซึ่งภายใต้เนื้อหาที่กินเวลาเพียง 20 นาที หนังสารคดีเรื่องนี้มันก็เปรียบเสมือนบทบันทึกความจริง ณ ห้วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น ทั้งปัจจุบันและอนาคตของปมปัญหาต่าง ๆ ในเรื่องจึงจะยังคงดำเนินต่อไปแบบไร้สคริปต์ แต่ในที่สุดหนังเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นสารคดีชีวิตยากลำบาก ไปสู่สารคดีชีวิตคนธรรมดาเดินดินที่พยายามจะใช้ชีวิต หนังค่อย ๆ ฉายให้เห็นว่าสังคมของเรานั้นมีหลายแง่มุมที่รอวันไปพบ ความยากจนที่ไม่ได้โรแมนติกแบบเรื่องราวในภาพยนตร์เพ้อฝัน มันคือความจริง ความสิ้นหวัง ความท้อแท้ ไม่ว่าจะอยู่ในโลกแบบใด

ถึงโดยรวมจะยังไม่เต็มอิ่มและมีส่วนที่อยากให้สำรวจอีกมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Good Morning, Good Night คือหนังอีกเรื่องที่นำเสนอข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ชมมองเห็นความเป็นไป และความเป็นจริงในสังคมไทยในภาพที่คมชัดมากขึ้น