บันทึกความดีเป็นหนังสั้นความยาวเพียง 5 นาที ใช้สไตร์การเล่าเรื่องและเรียบเรียงเนื้อหาที่เรียบง่าย ไม่มีโชว์ทักษะการแสดงขั้นเทพของนักแสดง ไม่มีงานภาพที่สวยอลังการ แต่ภาพถ่ายจากโดรนที่ให้เห็นมุมสูงของหมู่บ้านชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ที่มีความลาดชันและเขียวชอุ่มตามแบบฉบับที่ราบสูง ช่วยให้ยกโทนของหนังโดยรวมสดใสขึ้น
ตัวหนังเล่าเรื่องเด็กชายสองคน ที่ได้รับการบ้านมาจากครูสมหญิง ให้เขียนสมุดบันทึกความดี มาส่งวันจันทร์ ทั้งสองคนจึงนั่งปรึกษากันว่าจะบันทึกความดียังไง เพราะไม่ได้ทำความดีทุกวัน จนได้ข้อสรุปว่า ถึงทำบ้างไม่ทำบ้าง ก็เขียนส่งไปทั้งหมด การบ้านจะได้เสร็จ ทว่าในวันส่งการบ้าน ระหว่างทางเดินไปโรงเรียน เด็กทั้งสองพบกับร่างหมดสติของนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ข้างทาง ทัตเทพจึงให้เพื่อนรีบไปโรงเรียนส่งการบ้านก่อน ส่วนตนจะเข้าไปช่วยแบกเด็กนักเรียนหญิงไปส่งที่สถานีอนามัย ทว่าเพื่อนที่ทำท่าจะเดินจากไป กลับหันกลับมาช่วยทัตเทพแบกเด็กนักเรียนหญิงแทน
บันทึกความดี อาจจะไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะการถ่ายภาพ บทหนัง การแสดง บทสนทนาที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แต่หนังสั้นเล็กๆ ที่ไม่สมบูรณ์แบบเรื่องนี้ ก็ทำให้คนดูประทับใจได้ไม่น้อย เพราะในความไม่สมบูรณ์แบบของหนังเรื่องนี้ ได้สื่อ message ที่แสดงถึงการเสียสละตนเพื่อทำความดีอย่างไม่หวังผล และไม่มีใครมองเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสังคมสมัยนี้ ที่การทำความดีได้ถูกใช้เป็นคอนเทนท์ เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างภาพให้ตัวเองดูดีเท่านั้น
แม้ว่าบทพูดของตัวละครครูสมหญิงตอนเปิดเรื่องมีความประดักประเดิก และการแสดงยังไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แต่การแสดงของเด็กสองคนกลับมีความลื่นไหล ส่งต่อบทสนทนากันได้ดี ทั้งนี้ หนังเลือกที่จะให้เด็กทั้งสองพูดด้วยภาษาชนเผ่าระหว่างกัน จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พูดออกมาได้เป็นธรรมชาติมากกว่าการพูดภาษาไทย
หนังยังทำให้คนดูได้เห็นความน่าเอ็นดูของเพื่อนสองคน ตั้งแต่การวางแผนที่จะเขียนส่งบันทึกความดี โดยไม่จำเป็นต้องทำความดีที่เขียนลงไปนั้นจริงๆ ตามที่ทัตเทพบอกว่า ใครมันจะไปทำความดีได้ทุกวัน และเมื่อเพื่อนตอบเขาว่า ถึงจะทำบ้างไม่ทำบ้างก็ให้เขียนๆ ส่งไป ทัตเทพก็สวนกลับว่า นั่นเท่ากับการโกหกครู
อย่างไรก็ตาม ถึงบทสนทนาในหนังจะธรรมดา ไม่ได้พิเศษอะไรมาก แต่ก็มีความหมายที่น่าสนใจแฝงอยู่ด้วย อย่างในฉากที่ทัตเทพกำลังหลับ แล้วครูเดินมาถามว่า รู้มั้ยว่าครูสั่งให้ทำอะไร เด็กน้อยก็ตอบว่า ให้ทำความดี ซึ่งจริงๆ แล้วอาจเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะการจะทำสมุดบันทึกความดีได้ คนบันทึกก็ควรจะทำความดีก่อน
ความน่าสนใจอีกอย่างของบันทึกความดีก็คือ หนังก็ไม่ได้พยายามยัดเยียด หรือสั่งสอนคนดูว่าต้องทำความดีถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผลที่ออกมา จึงทำให้โทนของหนังมีความเบาสบาย ได้เห็นวิวสวยๆ ของหมู่บ้านชาวเขา และได้เห็นเด็กสองคนที่พยายามช่วยกันคิดการบ้าน ถึงแม้สุดท้ายจะทำไม่สำเร็จ จนถูกครูลงโทษ ทว่ากลับไม่รู้สึกว่าเด็กทั้งสองคนทำเรื่องผิดพลาด อาจจะเป็นเพราะว่าตัวหนังโดยรวมไม่ได้ตัดสินผิดถูก หรือกำหนดกะเกณฑ์ ตั้งไม้บรรทัดขึ้นมาวัด ‘ความดี’ มาตั้งแต่ต้นแล้วก็ได้
สกอร์ของหนังตอนขึ้นไตเติ้ลเรื่องเป็นเสียงดีดพิณ เล่นด้วยทำนองง่ายๆ ไม่ปรุงแต่งมาก แต่สร้างความสนุกสนานบันเทิงให้ผู้ฟัง ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศการละเล่นล้อมรอบกองไฟของชาวปกาเกอะญอในฤดูหนาว เมื่อสกอร์หนังเสียงพิณประกอบกับภาพถ่ายมุมสูงของหมู่บ้านชาวเขา ก็เป็นการเซ็ตโทนหนังให้ชัดเจน
ในด้านความไม่สมบูรณ์แบบของบันทึกความดี จุดอ่อนของหนังจริงๆ อยู่ที่ตัวละครของครูสมหญิง เนื่องจากเป็นตัวละครที่มีมิติเดียว หากเทียบว่าเป็นมนุษย์คนนึง ครูสมหญิงมีความแบนเกินไป และมีความเป็นครูชนิด stereotype ของครู ทั้งที่ความจริงแล้ว ตัวละครครูสมหญิงสามารถปั้นให้เป็นตัวละครที่มีมิติ แบบที่มนุษย์ควรจะเป็นได้ไม่ยาก
การทำหนังดีๆ ซักเรื่องหนึ่ง ก็คือการเล่าเรื่อง ที่สามารถถ่ายทอด message ที่ผู้สร้างหนังต้องการจะสื่อไปยังคนดูดูรู้เรื่อง เข้าใจหนังได้ โดยไม่จำเป็นต้องใส่สัญญะพิศดารใดๆ หรือใช้ชั้นเชิงซับซ้อนปรุงแต่ง กลับกันการใส่เทคนิคสารพัด อาจทำให้ตัวหนังออกมารกรุงรัง จนส่งผลกับ message ที่ต้องการสื่อไม่ชัดเจน กลายเป็นหนังที่ดูไม่รู้เรื่อง ดังนั้น หนังสั้นเรื่องนี้จึงนับว่าสอบผ่านในการเล่าเรื่องให้คนดูเข้าใจ message หลักของหนัง
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนอยากฝากให้ทีมงานได้ดู Children of Heaven หนังอิหร่านปี 1997 ของผู้กำกับ Majid Majidi เล่าเรื่องสองพี่น้องในครอบครัวยากจน มีพ่อเป็นแรงงานรับจ้าง ที่ต้องตระเวนออกหางานทำในย่านคนรวย วันหนึ่ง พี่ชายทำรองเท้าของน้องสาวหล่นหาย เด็กทั้งสองจึงต้องแก้ปัญหาการไปโรงเรียนโดยผลัดกันใส่รองเท้าที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียว กระทั่งมีการจัดงานแข่งวิ่งมาราธอน และรางวัลของผู้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับสองจะได้รองเท้ากีฬาคู่สวย พี่ชายจึงหมายมั่นที่จะคว้ารองเท้าคู่ใหม่มาให้ได้ ทว่า การจะวิ่งให้ชนะว่ายากแล้ว การวิ่งให้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับสองยิ่งยากกว่า
Children of Heaven ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม และเป็นหนังสร้างความประทับใจให้คนดูได้ไม่รู้ลืม การได้เห็นวัฒนธรรมการไปโรงเรียนของเด็กอิหร่าน เป็นสิ่งที่สามารถนำมาเสริมให้ ‘บันทึกความดี’ สมบูรณ์ขึ้นหากได้เห็นวัฒนธรรมการไปโรงเรียนของเด็กชาวเขาบ้าง หรือภาระกิจวิ่งมาราธอนของพี่ชาย ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับภาระกิจเขียนบันทึกความดีของเด็กชาวเขาทั้งสองคนได้
Children of Heaven ได้สร้างความรู้สึกปลอบประโลมชะตากรรมอันเลวร้ายของสองพี่น้อง คล้ายกับสวรรค์กำลังมองลงมาเห็นความดีของพี่ชาย ที่พยายามชดเชยรองเท้าคู่ใหม่ให้กับน้องสาว ไม่ต่างจาก บันทึกความดี ที่ถึงท้ายที่สุด เด็กทั้งสองจะถูกครูลงโทษ แต่ก็ได้ดื่มดำ่ไปกับการทำความดีของตัวเอง
เชื่อว่าบันทึกความดี อาจจะเป็นก้าวแรกก้าวเล็กๆ ของโปรดักชั่นกลุ่มนี้ ให้ใช้เป็นประสบการณ์ตั้งต้น เพื่อการก้าวต่อไป จะได้มั่นคงและยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต