*มีการเปิดเผยเนื้อหาและตอนสำคัญ
ก่อนอื่นผู้เขียนต้องขอออกตัวก่อนว่าหน้าหนังค่อนข้างห่างไกลจากแนวที่ชอบ และถ้าเลือกได้ก็จะไม่ดู แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ากำลังฝืนตัวเองในการดูเลยแม้แต่น้อย
เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ฮิรายามะเป็นนักดนตรีข้างถนนได้ชวนหญิงสาวแปลกหน้า เซโนะที่เจอกันโดยบังเอิญ ให้มาร่วมร้องเพลงกับเขาในงานประกวดร้องเพลงคู่ ที่นอกจากเงินรางวัลจำนวนมหาศาลแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะปูทางไปสู่วงการบันเทิงได้ ทว่าเซโนะมีปัญหา ไม่สามารถร้องเพลงต่อหน้าผู้คนได้ เพราะเคยโดนกลั่นแกล้งด้วยการหัวเราะเยาะใส่ขณะร้องเพลง จนกลายเป็นคนเสียความมั่นใจ ฝั่งฮิรายามะจึงพยายามหาหนทางที่จะทำให้เซโนะสามารถร้องเพลงต่อหน้าสาธารณะชนได้อีกครั้ง แต่ถึงชายหนุ่มจะช่วยเหลือเธอถึงขนาดนั้น เซโนะก็ยังหาทางหนีให้ตัวเอง ด้วยการสมัครงาน จนได้รับอีเมล์เรียกให้ไปทำงานในวันเดียวกับที่มีการประกวดร้องเพลง
เซโนะยังคงติดอยู่ใน comfort zone ไม่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ ในฉากที่เซโนะส่งเสียง offscreen เป็นความคิดกับตัวเองว่า ไม่เข้าใจทั้งคำถามของพระเอกและคำตอบของตัวเอง และไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น เป็นความพยายามยึดเอา comfort zone อันนั้นเอาไว้กับตัวให้นานที่สุด แม้ว่าจะมีเรื่องที่ต้องการทำมากกว่ามาเคาะประตูเรียกถึงที่แล้วก็ตาม
คืนหนึ่งหลังทั้งคู่ซ้อมร้องเพลงเสร็จ เซโนะจึงขอเลิกล้มที่จะไปประกวดร้องเพลงคู่กับฮิรายามะ ทว่าเมื่อวันงานประกวดมาถึง เซโนะพยายามจะกลับไปแก้ไข แต่ไม่อาจพบฮิรายามะได้อีกแล้ว เธอกลับไปทำงานบริษัทและใช้ชีวิตเพียงลำพังอีกครั้ง กระทั่ง 1 เดือนผ่านไป เซโนะก็กลับไปสานต่อการร้องเพลงต่อหน้าผู้คนของเธออีกครั้ง
ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน มีหนังเล็กๆ เรื่องหนึ่ง ชื่อ Once หนังเจ้าของรางวัลออสการ์เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี 2008 อย่าง Falling Slowly ก็เคยหยิบเอาความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวแปลกหน้าสองคน ที่มีดนตรีเป็นสื่อกลาง ท่ามกลางบรรยากาศเมืองใหญ่ และข้อจำกัดของคนทั้งคู่ที่ต่างต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ ทว่ามีช่วงเวลาหนึ่งที่ได้ชีวิตร่วมกัน ได้เล่นดนตรีและอัดเพลงด้วยกัน ช่วงเวลานั้นพวกเขาก็ก่อเกิดความรู้สึกพิเศษขึ้นในใจ
ความจริงแล้ว เนื้อเรื่องของ Tell your world มีกลิ่นของ Once อยู่ไม่น้อย ราวกับได้แรงบันดาลใจมา พระเอกของ Once ก็เป็นนักดนตรีเปิดหมวกริมถนน ที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ พบเข้ากับนางเอกที่เป็นผู้อพยพ กำลังแร่ขายดอกไม้ และได้รู้จักกันผ่านบทเพลง พวกเขาใช้เวลาร่วมกันขับขานและบรรเลงบทเพลง บทแล้วบทเล่า กระทั่งเสียงเพลงสุดท้ายของทั้งสองสิ้นสุดลง นางเอกก็หายไปจากชีวิตของพระเอก หลังจากเธอไม่ได้มาพบเขาตามนัด ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่ฝ่ายชายจะอยู่เมืองนี้ กระทั่งทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เหลือทิ้งไว้แต่เพียงเทปเดโม่ กับเสียงเพลง ที่กลายเป็นความทรงจำของเขาและเธอ
ทั้ง Tell your world และ Once ล้วนมีองค์ประกอบของดนตรี ที่เป็นสื่อสานสัมพันธ์ชายหญิงคู่หนึ่งเข้าหากัน ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ที่เป็นฉากหลัง รถไฟและสัญญาณไฟจารจรบนท้องถนนใน Tell your world เหมือนสิ่งที่คอยย้ำเตือนว่านอกจากพวกเขาและเธอกำลังใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่แล้ว พวกเขายังอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ที่พร้อมจะตัดสินตัวตนของหนุ่มสาวเหล่านี้เพียงแค่เดินสวนทางกันเท่านั้น
ขณะที่งานภาพของ Once จะออกแนวดิบๆ เรียลๆ เน้นความธรรมชาติสมจริง ไม่ได้เน้นความสวยงาม แต่งานภาพของ Tell your world กลับออกแนวชวนฝันฟุ้งฟิ้งมุ้งมิ้ง ใช้ฟีลเตอร์ฟุ้งๆ ละมุนๆ แทนที่สายตาของคนกำลังมีความรักใช้มองโลก หลายช็อตตั้งใจทำให้มองเห็นโลกในมุมงดงาม แถมด้วยลูกเล่นในฉากเปิดเรื่องที่เชื่อมเข้ากับฉากสำคัญฉากหนึ่งของเรื่อง
แม้จะเล่าถึงการทำตามความฝัน แต่ความเรียลของสถานการณ์ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของคนแปลกหน้าสองคน ที่ทั้งอบอุ่น ลึกซึ้ง แต่ก็เปราะบางในเวลาเดียวกัน ก็ไม่ได้ทำให้เราแปลกเท่าไหร่นัก เพราะในโลกปััจจุบัน คนแปลกหน้าทุกคนพร้อมจะเข้ามามีความสัมพันธ์กัน ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นจะยาวนาน หรือแค่ฉาบฉวย หรือเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันอีกครั้ง
หนังเรื่องนี้มีกลิ่นความรักอยู่เพียงบางเบา เบามากๆ ด้วย รวมไปถึงไม่มีการให้ความชัดเจนในการจำกัดความถึงความสัมพันธ์ระหว่างเซโนะกับฮิรายามะ ว่าจริงๆ ทั้งสองรู้สึกต่ออีกฝ่ายอย่างไรแน่ ทว่ากลับตั้งชื่อหนังภาษาไทยให้มีคำว่า ‘รัก’ ปรากฎอยู่ซะงั้น ทั้งที่ความจริงแล้ว การจะสื่อถึง ‘ความรัก’ โดยไม่ต้องใช้ความว่ารักตรงๆ นั้นยังมีวิธีอีกมาก น่าเสียดายที่ชื่อหนังดูย้อนแย้งกับความ subtle เรื่องความรักความสัมพันธ์ที่ปรากฏอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
ประเด็นที่หนังทิ้งเอาไว้ อย่างเซโนะแค่ต้องการใครอีกคนมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว หรือต้องการความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฮิรายามะ ก็ถูกทิ้งไว้อย่างไร้คำตอบ เช่นเดียวกับฮิรายามะ ที่อาจจะแค่เป็นผู้ชายนิสัยเฟรนด์ลี่คนหนึ่ง ที่เข้ามาดูแล และช่วยเหลือให้เซโนะกลับมาร้องเพลงได้อีกครั้ง มีเพียงบทสนทนาและคำพูดของเขาเท่านั้น ที่อาจตีความได้ว่า เขามีความรู้สึกบางอย่างให้กับเซโนะ
เรื่องราวของหนุ่มสาวในเมืองใหญ่ ที่พยายามจะหาที่ทางให้ตัวเอง ทั้งการทำงาน เดินตามหาความฝัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตราบใดที่ยังคงมีหนุ่มสาวเลือดใหม่ยังเดินทางเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เพื่อดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้อง ไปพร้อมกับแสวงหาที่ทางให้กับตัวเองบนโลกใบนี้ การเลือกทางเดิน ระหว่างทำงานบริษัท กับเล่นดนตรีร้องเพลง เส้นทางไหนจะทำให้หาที่ทางของตนบนโลกใบนี้เจอกันแน่ ล้วนเป็นคำถามที่มีแต่ตัวเองเท่านั้นถึงจะตอบได้