1. เทคนิคการวาดลงบนฟิล์มโดยตรง (Drawn on film animation หรืออาจเรียกว่า direct animation และ animation without camera – แอนิเมชั่นที่ไม่ต้องใช้กล้องถ่าย) ทำได้ 2 วิธี คือ วาด, ระบายสี, ปั๊มรอย, ติดวัสดุต่างๆ ฯลฯ ลงบนแผ่นฟิล์มเปล่า (ฟิล์มที่ยังไม่ได้ใช้) และขูดขีด, แกะ, เจาะ, โรยเม็ดทราย ฯลฯ ลงบนแผ่นฟิล์มสีดำ (ฟิล์มที่ถ่ายและล้างแล้ว) โดยทำลงบนฟิล์มทีละเฟรมๆ (จะเป็นฟิล์ม 8 มม. 16 มม. หรือ 35 มม. ก็ได้ และทำได้บนทั้งด้านหน้าและหลังของแผ่นฟิล์ม) จากนั้นก็นำไปฉายได้เลย ข้อดีของแอนิเมชั่นประเภทนี้คือประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะทำลงบนฟิล์มโดยตรง ไม่ต้องพึ่งวัตถุอื่นและไม่ต้องใช้กล้อง แถมยังใช้เศษฟิล์มอะไรก็ได้ จึงไม่แปลกที่มันจะเป็นเทคนิคยอดฮิตในหมู่นักเรียนหนังทั่วโลก / นอร์แมน แม็กลาเรน ชอบใช้เทคนิคนี้เช่นกัน งานของเขามีทั้งแอนิเมชั่นแบบเล่าเรื่องและแบบนามธรรม ในรูปนี้คือ Binkity Blank (1955) ซึ่งใช้วิธีแกะรอยบนเนื้อฟิล์ม 35 มม. พล็อตว่าด้วยความสัมพันธ์ของนกตัวหนึ่งกับกรง แม็กลาเรนเชื่อว่าการแกะเนื้อฟิล์มเป็นเทคนิคที่ไม่เหมาะกับแอนิเมชั่นซึ่งมีพล็อตซับซ้อน แต่ความคิดนี้ถูก ปีแยร์ เอแบต์ หักล้างเกลี้ยงในแอนิเมชั่นต่อต้านสงคราม เรื่อง Memories of War (1982)
2. การวาดบนกระจก (Paint-on-glass animation) ทำโดยวาดภาพสีน้ำมันลงไปบนแผ่นกระจก (เหตุที่นิยมใช้สีน้ำมันเพราะแห้งช้าดี) จากนั้นแอนิเมเตอร์ก็วาดแก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพนั้นไปเรื่อยๆ แล้วใช้กล้องบันทึกไว้ทีละเฟรม เมื่อนำมาฉายก็จะเห็นภาพเคลื่อนไหวได้โดยสีน้ำมันค่อยๆ หลอมเหลวเข้าหากันและเปลี่ยนเป็นภาพอื่นๆ ไปอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าความยากเข็ญของเทคนิคนี้อยู่ตรงที่เมื่อเราลบหรือแก้ภาพบนกระจกไปแล้วย่อมไม่สามารถทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมเป๊ะได้อีก ดังนั้น จึงต้องมีการวางแผนวาดและถ่ายทำอย่างดี เพราะไม่มีสิทธิซ้อมก่อนหรือเทคใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ความยากนี้ก็ส่งผลให้งานดูมีความสด มีเอกลักษณ์ และมีชีวิตชีวามากเช่นกัน / ภาพด้านล่าง : The Old Man and the Sea (1999) แอนิเมชั่นสุดงามระดับออสการ์ของ อะเลคชันดร์ เปตรอฟ