การใช้ภาพเคลื่อนไหวในการเล่าเรื่องราวมีการเริ่มต้นจริงๆ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในยุคของการบุกเบิกการถ่ายทำภาพยนตร์ ในปี 1892 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส เอมิล คอล (Émile Cohl) ได้สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ถูกถือว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นแรกของโลก ชื่อว่า Fantasmagorie ซึ่งใช้เทคนิคการวาดภาพมือและการถ่ายทำภาพแบบเฟรมต่อเฟรม แม้ว่าภาพยนตร์นี้จะใช้เทคนิคที่ค่อนข้างง่าย แต่ก็เป็นการเปิดเส้นทางสำหรับการพัฒนาของอนิเมชั่นที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต
การเติบโตของอนิเมชั่นในศตวรรษที่ 20
การพัฒนาอนิเมชั่นเริ่มจริงจังในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยมีการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นที่มีความยาวและมีเนื้อเรื่อง ซึ่งต่างจากภาพเคลื่อนไหวแบบสั้น ๆ ที่ใช้ในเครื่องมือเก่าๆ
ในปี 1928 นักสร้างภาพยนตร์และนักออกแบบอนิเมชั่น Walt Disney ได้สร้าง Steamboat Willie ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่มีตัวละครมิกกี้เมาส์ (Mickey Mouse) และเป็นภาพยนตร์ที่มีเสียงดนตรีที่ถูกจับตามองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการอนิเมชั่น โดยการสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเสียงและภาพในการผลิตอนิเมชั่น ทำให้เกิดรูปแบบใหม่ของอนิเมชั่นที่มีการเล่าเรื่องอย่างเต็มรูปแบบ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสู่องค์กรที่ทรงอิทธิพลในวงการอนิเมชั่นอย่าง Walt Disney Studios ซึ่งกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ในหลายทศวรรษต่อมา
การก้าวไปสู่ยุคสีและเทคนิคการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนขึ้นเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 และ 1940 โดย Walt Disney ได้ผลิต Snow White and the Seven Dwarfs ในปี 1937 ซึ่งเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นสีเรื่องแรกที่มีความยาวและได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตอนิเมชั่นที่ไม่เพียงแต่สนุกสนานเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกและเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงผู้ชมทุกวัย
ในช่วงเดียวกัน นักสร้างอนิเมชั่นคนอื่นๆ เช่น Fleischer Studios ก็ได้มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ และสร้างตัวละครที่มีชื่อเสียงอย่าง Popeye และ Betty Boop ขึ้นมา
ยุคใหม่ของอนิเมชั่น: ความหลากหลายและเทคนิคใหม่ๆ
อนิเมชั่นเข้าสู่ยุคใหม่ในปี 1990s ด้วยการเกิดขึ้นของอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การสร้างอนิเมชั่นมีความรวดเร็วและสามารถสร้างภาพที่มีความละเอียดสูงและดูสมจริงมากขึ้น
การเริ่มต้นของอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์ที่สำคัญคือภาพยนตร์ Toy Story ในปี 1995 ซึ่งสร้างโดย Pixar Animation Studios และออกฉายในรูปแบบของการ์ตูน 3D เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องแรกที่ทำทั้งหมดด้วยเทคนิคคอมพิวเตอร์ ทำให้อนิเมชั่นได้พัฒนาไปในทิศทางใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความสมจริงในการเคลื่อนไหว แต่ยังเปิดโอกาสให้เรื่องราวในอนิเมชั่นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
จากนั้น Pixar, DreamWorks, Blue Sky Studios และสตูดิโออื่นๆ ก็เริ่มสร้างอนิเมชั่นที่ใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์อย่างเต็มรูปแบบ โดยภาพยนตร์เช่น Shrek (2001) และ Finding Nemo (2003) ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอนิเมชั่นในรูปแบบ 2D ที่ยังคงได้รับความนิยม เช่น The Princess and the Frog (2009) และ The Lion King ที่มีการรีมาสเตอร์ใหม่ในเวอร์ชั่น 2D
ในปัจจุบัน อนิเมชั่นไม่ใช่แค่ภาพยนตร์หรือการ์ตูนที่สร้างเพื่อเด็กๆ เท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมในทุกเพศทุกวัย และถูกนำมาใช้ในหลายๆ สื่อ เช่น วิดีโอเกม, โฆษณา, หรือแม้กระทั่งสารคดี การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทำให้สามารถสร้างโลกที่สมจริงและสามารถหลอมรวมความจริงกับโลกแฟนตาซีได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อนิเมชั่นในปัจจุบันยังสามารถถ่ายทอดประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรมได้อย่างลึกซึ้ง โดยไม่จำกัดแค่การบันเทิง ตัวอย่างเช่นภาพยนตร์อนิเมชั่นจากสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) เช่น Spirited Away และ My Neighbor Totoro ซึ่งใช้อนิเมชั่นเพื่อสะท้อนถึงเรื่องราวที่มีความหมายทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
อนิเมชั่นยังเป็นเครื่องมือที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรมและภูมิภาคได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในยุคที่การสื่อสารระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่ายผ่านอินเทอร์เน็ต
จากจุดเริ่มต้นของการใช้ภาพเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ ในศตวรรษที่ 19 จนถึงการพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน อนิเมชั่นได้ก้าวมาไกลทั้งในด้านเทคนิคการผลิตและการเล่าเรื่องราว อนิเมชั่นไม่เพียงแต่เป็นการบันเทิง แต่ยังเป็นเครื่องมือที่สะท้อนและนำเสนอความคิดเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมในระดับโลก