รางวัลออสการ์เริ่มต้นขึ้นในปี 1929 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องผลงานทางภาพยนตร์ในอุตสาหกรรมฮอลลีวูด ซึ่งในช่วงหลายทศวรรษแรกของการจัดงาน ออสการ์มักจะเลือกภาพยนตร์ที่สะท้อนถึงค่านิยมของสังคมอเมริกันในช่วงเวลานั้น รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องที่เป็นแนวทางดั้งเดิมและมีความเป็นสากลที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลมักจะเน้นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสังคมอเมริกัน เช่น ชีวิตในเมืองใหญ่ การแสดงความเป็นอเมริกันในทุกรูปแบบ และตัวละครที่มีความเหมาะสมตามแบบแผนของสังคม
การขาดความหลากหลายในแง่ของผู้สร้างภาพยนตร์และเรื่องราวที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปนั้นยังคงเป็นจุดวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของการเลือกให้ความสำคัญกับภาพยนตร์จากฮอลลีวูดในช่วงแรกๆ ซึ่งบางครั้งทำให้ภาพยนตร์จากต่างประเทศหรือที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมไม่ได้รับการยอมรับตามที่ควรจะเป็น ตัวอย่างเช่น การที่ภาพยนตร์จากเอเชีย, อเมริกาใต้, หรือแอฟริกามักไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่ๆ แม้ว่าเหล่านี้จะได้รับการยอมรับในระดับสากล
การได้รับรางวัลออสการ์ของ Parasite ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่ออสการ์ต้องเผชิญ โดยเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้สร้างภาพยนตร์จากต่างประเทศ และการยอมรับเรื่องราวที่สะท้อนถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจในเกาหลีใต้ แต่ยังมีความสัมพันธ์และสามารถสะท้อนให้เห็นในสังคมโลกโดยรวม เช่น ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น, ความทะเยอทะยานของมนุษย์, และความขัดแย้งระหว่างชนชั้นที่ยังคงเป็นปัญหาสากลที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้
ความสำเร็จของ Parasite จึงไม่เพียงแค่เป็นการรับรู้ถึงคุณค่าของภาพยนตร์ที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการขยายขอบเขตการยอมรับของออสการ์ไปยังผลงานจากต่างประเทศที่มีคุณภาพและเนื้อหาที่ลึกซึ้ง โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ในกรอบของฮอลลีวูดหรือสังคมอเมริกัน
การขยายขอบเขตความหลากหลาย: ‘Everything Everywhere All at Once’ และการปฏิวัติการเล่าเรื่อง
อีกหนึ่งตัวอย่างที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงของออสการ์คือ Everything Everywhere All at Once (2022) ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Daniel Kwan และ Daniel Scheinert ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่ได้รับการยอมรับจากผู้ชมที่หลากหลายทางเพศและเชื้อชาติ แต่ยังได้รับการยกย่องในด้านความแปลกใหม่ในการเล่าเรื่อง และการนำเสนอโลกของมัลติเวิร์สที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและการต่อสู้ของตัวละครในการค้นหาความหมายในชีวิต
Everything Everywhere All at Once คว้ารางวัลออสการ์ถึง 7 รางวัลหลักในปี 2023 รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Michelle Yeoh), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Ke Huy Quan), และนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Jamie Lee Curtis) ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการยอมรับความหลากหลายของออสการ์ในยุคใหม่
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่พาผู้ชมไปสำรวจโลกที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและแอ็คชั่น แต่ยังสอดแทรกประเด็นลึกซึ้งเกี่ยวกับครอบครัว, การยอมรับตัวตน, และการต่อสู้กับความคาดหวังในชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยทางเลือกที่ซับซ้อน ความสำเร็จของ Everything Everywhere All at Once เป็นการพิสูจน์ว่าออสการ์เริ่มมองเห็นความสำคัญของการมีความหลากหลายไม่เพียงแค่ในเรื่องของชาติพันธุ์ แต่ยังรวมถึงเรื่องของแนวคิดและการเล่าเรื่องที่ไม่เคยได้รับการยอมรับในอดีต
การได้รับรางวัลออสการ์ของทั้ง Parasite และ Everything Everywhere All at Once นั้นไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่ยังส่งผลกระทบต่อการรับรู้ทางสังคมเกี่ยวกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการเล่าเรื่องที่ไม่จำกัดอยู่ในกรอบของการผลิตภาพยนตร์แบบดั้งเดิม ภาพยนตร์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าออสการ์เริ่มเปิดรับความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับภาพยนตร์จากต่างประเทศ, การยอมรับผู้สร้างภาพยนตร์จากชาติพันธุ์ที่หลากหลาย, หรือการเลือกภาพยนตร์ที่มีแนวคิดและเนื้อหาที่แตกต่างไปจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดแบบแผน
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ช่วยให้วงการภาพยนตร์ออสการ์ไม่เพียงแต่เป็นการรับรู้ถึงคุณค่าของภาพยนตร์ในแง่ของศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นการยอมรับความหลากหลายทางสังคมและการสร้างความเข้าใจในประเด็นที่สำคัญในยุคสมัยใหม่ ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ในยุคหลังๆ จึงสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในวงการภาพยนตร์ที่เปิดกว้างมากขึ้นและตอบสนองต่อความหลากหลายทางสังคมในยุคปัจจุบัน