Catch Me If You Can ดูเหมือน “พ่อ” ของแฟรงค์ อบาเนล (ลีโอนาร์โด ดิแคพิโอ) จะเป็นดังเพื่อนรุ่นพี่ที่ทั้งกันเองใกล้ชิดและเป็น “ต้นแบบ” ที่น่าภาคภูมิ ทำให้เชื่อว่าเจ้าลูกชายคนนี้จะต้องได้ดิบได้ดี แถมชื่อเสียงจะต้องกระฉ่อนโลกอย่างแน่นอน ซึ่งในที่สุดก็จริงดังว่า คือกระฉ่อนในทาง”เลว” – ปลอมตัวเป็นนักบินโกงบินฟรีกว่า 2 ล้านไมล์ – ปลอมตัวเป็นหัวหน้าแพทย์แผนกกุมารเวชโรงพยาบาลจอร์เจีย – ปลอมตัวเป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมอัยการแห่งมลรัฐหลุยเซียน่า – ใช้เช็คปลอมใน 26 ประเทศ 50 มลรัฐ สุดท้ายไปไม่รอดโดนศาลตัดสินให้จับคุกขังเดี่ยวเป็นเวลาถึง 25 ปี (แม้ว่าบั้นปลายชีวิตออกมาทำงานชดใช้สังคม) / เหตุใดชีวิตของเขาจึงเป็นเช่นนี้? จริงๆ แล้วพ่อที่เป็นเสมือนเพื่อนรุ่นพี่นั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม เพียงแต่จะต้องไม่มีวิธีคิดที่บิดเบี้ยวเหมือนพ่อของแฟรงค์คนนี้ ที่มักจะเห็นดีเห็นชอบทุกครั้งที่ลูกกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น ฉกบัตรเครดิตของพ่อไปใช้จ่ายตามใจชอบจนคนเป็นพ่อต้องใช้หนี้กว่า 3,400 เหรียญโดยไม่ดุด่าว่ากล่าวแม้แต่คำเดียว หรือเมื่อแฟรงค์เป็นเพียงนักศึกษาแต่หลอกทุกคนว่าเขาคืออาจารย์คนใหม่แล้วพาบรรดาลูกศิษย์ไปทัวร์โรงงานขนมปังจนถูกมหาวิทยาลัยไล่ออก ในขณะที่คนเป็นพ่อได้แต่หัวเราะร่วนในความฉลาดแกมโกงของลูกชายตนเอง จะว่าไป คนเป็นพ่อก็ใช่ย่อย พฤติกรรมในการดำเนินธุรกิจก็มากด้วยเล่ห์เพทุบายที่ลูกชายก็เห็นอยู่เต็มตา ซึ่งได้กลายเป็นสิ่งที่ซึมซับอย่างไม่รู้ตัว ( Internalization) ด้วยเห็นว่ามันคือรางวัลชีวิต (Reward) ที่ได้มาจากความปลิ้นปล้อน / แม้ในที่สุดคนเป็นพ่อต้องโดนข้อหาฉ้อโกงและกลายเป็นบุคคลล้มละลายสูญเสียทุกสิ่งอย่างแม้แต่ภรรยาของตนเองก็ตีจาก แต่ลูกอย่างแฟรงค์กลับไม่ยอมรับความจริงแถมป้ายโทษให้ผู้อื่นว่าข่มเหงรังแกพ่อของตนอย่างไม่เป็นธรรม และสิ่งนี้ได้เสริมให้เขาเคียดแค้นมุ่งทำร้ายสังคมด้วยความฉลาดแกมโกง (กลายเป็น Antisocial Personality)