ภาพยนตร์อนิเมชั่นที่พาผู้ชมหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการที่สดใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกันกับเด็กๆ ในวันที่ความสุขที่สุดนั้นคือการได้วาดภาพระบายสีและสร้างเพื่อนคู่คิดขึ้นมาแบ่งเป็นความทุกข์และความสุขร่วมกับเราในวันที่ต้องเดียวดาย เด็กหญิงหลินกำลังใช้เวลาหลังเลิกเรียนของเธอในศาลเจ้าตามแบบฉบับศิลปะและวัฒนธรรมจีนซึ่งเป็นความเชื่อที่ครอบครัวเคารพบูชา เด็กหญิงตัวเล็กใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่หลบภัยจากแม่ที่กำลังตามให้เธอกลับบ้านเพื่อทำกิจวัตรประจำวันให้เรียบร้อย ในขณะที่หลินอยากใช้เวลาของเธอไปกับความสนุก ในวินาทีที่กำลังเศร้าใจที่ต้องกลับบ้าน แผ่นกระดาษที่ถูกหลินระบายสีลงไปกับเรืองแสงขึ้นมาพร้อมกันกับหุ่นและประติมากรรมอื่นๆ ในศาลเจ้าราวกับมีปาฏิหารย์ เพื่อนตัวเล็กรูปร่างคล้ายกับหนู แต่มีท่าทางและการวางตัวเป็นเหมือนกับอาจารย์ผู้สอนการต่อสู้แบบศิลปะจีนปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเด็กหญิง
เพื่อนที่เธอคาดหวังให้เขามีชีวิตและจิตใจขึ้นมาจริงๆ เพื่อที่จะได้แชร์รอยยิ้มและน้ำตาร่วมกันมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ ในสายตาของหลิน เค้าคนนั้นได้ชื่อว่าจี้ตามใบงานที่เด็กหญิงได้เขียนเอาไว้ จี้เข้ามาทำให้ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในยามเย็นสนุกและไม่น่าเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์สนุกๆ การละเล่นโลดโผนที่เด็กหญิงชื่นชอบ และผลไม้เคลือบน้ำตาลแสนอร่อยที่จี้สามารถเสกทุกอย่างให้ได้ดังใจหวัง เพื่อนในจินตนาการนำเธอไปยังโลกแห่งความสนุกตามที่เธอวาดฝันเอาไว้ และมันจบลงอย่างรวดเร็วเมื่อผู้เป็นแม่ที่เคยตามผ่านโทรศัพท์ ได้ปรากฎตัวตรงหน้าที่ศาลเจ้าเพื่อพาเด็กหญิงตัวยุ่งกลับเข้าบ้าน จี้เพื่อนรักของเธอไม่สามารถปรากฎตัวต่อหน้าแม่ได้แต่ยังแอบให้กำลังใจอย่างห่วงๆ การทะเลาะเบาะแบ้งเกิดขึ้นระหว่างสองแม่ลูก และหยุดลงที่สร้อยข้อมือของแม่ขาดเล็กเพราะความบาดหมางที่เกิดจากความไม่เข้าใจ
หลินจินตนาการว่าแม่ของเธอจะต้องโกรธและทำโทษที่เธอดื้อรั้นและทำให้ของของแม่ต้องเสียดาย แต่แม่กลับก้มลงมากอดลูกสาวตัวน้อยด้วยความเป็นห่วงเป็นใย นั่นทำให้หลินเข้าใจมากขึ้นว่าแท้จริงแล้วแม่เพียงแค่เป็นห่วงเธอเท่านั้น หลินจึงยื่นภาพระบายสีจี้ เพื่อนใหม่ของเธอให้แม่ดูอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่ทั้งสองจะจากศาลเจ้าเพื่อกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย
อนิเมชั่นเรื่องนี้มีฉากหลังเป็นศาลเจ้าที่บรรจุสิ่งศักดิ์และรูปเคารพเอาไว้มากมาย กระดาษใบเล็กของหลินกลับกลายเป็นมีชีวิตขึ้นมาได้ไม่เพียงเพราะจี้เพื่อนรักได้ออกมาจากจินตนาการเธอเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ก็ช่วยส่งให้จี้ที่มีผิวสีเหลืองในกระดาษมีร่างกายที่เป็นสีทองอร่ามออกมาเมื่อมีตัวตน จี้จึงมีสถานะเป็นทั้งเพื่อนจากจินตนาการของหลิน ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เดียวกันกับรูปเคารพที่คอยให้กำลังใจและอวยพรให้ผู้นับถือทุกคนมีความสุข จี้มอบความสุขให้กับหลินด้วยการให้ของทุกอย่างที่เธออยากได้ สามารถเสกผลไม้เคลือบน้ำตาลได้เป็นเรื่องง่ายอย่างที่ใจนึก สถานะของจี้จึงอยู่ก้ำกึ่งระหว่างรูปเคาพรพและเพื่อนของหลิน ในฐานะที่ความเชื่อของเด็กหลินก็ได้หลอมรวมกับความเชื่อของศาลเจ้า ถึงแม้จากมุมมองของเด็ก จี้จะเป็นเพียงเพื่อนเล่นสำหรับเธอ แต่ในมุมมองด้านความเชื่อและฉากหลังของอนิเมชั่นแล้ว จี้ก็มีพลังอำนาจเช่นเดียวกับรูปเคารพอื่นๆ ที่สามารถอวยพรให้กับผู้เคารพได้
ในส่วนของผู้เป็นแม่ เมื่อประตูถูกเปิดออกเธอไม่ได้มองเห็นจี้เพราะกำลังเป็นห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวที่ดื้อรั้นไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ จนกระทั่งจี้ที่หลบอยู่มุมเสาได้หายไปเมื่อผู้เป็นแม่ได้กอดและทำความเข้าใจกับลูกแล้ว สภาวะของความกดดันและวิตกกังวลในตัวหลินได้หายไปพร้อมกันกับเพื่อนผู้มาบรรเทาทุกข์ให้กับเธอ เมื่อความวิตกกังวลหายไป สภาวะของการอยากหลบหนีก็ได้หายไปด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ในท้ายที่สุด หลินก็แนะนำให้แม่ได้รู้จักกับจี้ผ่านภาพเขียนจากโรงเรียนของเธอ เพื่อนรักของเธอยังคงอยู่กับเธอเสมอแต่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามใจนึก ในขณะที่จินตนาการของแม่เองก็ไม่สามารถที่จะดึงตัวตนของจี้ให้ออกมาได้เนื่องจากเธอไม่มีจินตนาการแบบเดียวกันกับหลินที่กว้างไกลและไม่มีข้อจำกัดเหมือนเด็กน้อยที่อยากจะเล่นสนุกกับเพื่อนในจินตนาการ สำหรับแม่นั้น จี้จึงเป็นได้เพียงผลงานโรงเรียนที่ลูกสาวภาคภูมิใจและเธอก็มีความสุขที่ลูกสาวของเธอมีจินตนาการสมวัย หรือถ้าหากเธอได้พบกับจี้ขึ้นมาจริงๆ จี้ก็อาจจะมีสถานะเดียวกันกับรูปเคารพในสายตาของแม่ รูปเคารพที่มีพลังยิ่งใหญ่และต้องกราบไหว้ หาใช่รูปเคารพที่สามารถเข้ามาวิ่งเล่นด้วยกันกับเธอ ในขณะที่สำหรับหลิน จี้เป็นทั้งผลงานที่เธอสร้าง เพื่อนที่คอยอยู่ให้กำลังใจ และความสนุกที่เธอหาไม่ได้จากที่ไหน ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง ศาลเจ้ายังคงตั้งเด่นอยู่เบื้องหลังเพื่อเป็นสถานที่แห่งความเชื่อ ความศรัทธาและโลกที่เปิดโอกาสให้พลังแห่งความเชื่อแบบผู้ใหญ่ ได้หลอมรวมกับจินตนาการอันสดใสของเด็ก เป็นพื้นที่แห่งความหวังและความสบายใจให้กับผู้คน