[fuse. Review] – The Content (วรรณกร ไหมเจริญ)

Best Screenplay Nominees ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า fuse. KIDS Film Festival 2023

*มีการเปิดเผยเนื้อหาและตอนสำคัญ

คอนเทนท์ โดยปกติจะหมายถึงสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ในอะไรบางอย่าง กระทั่งการมาถึงของโลกยุคสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้คำว่าคอนเทนท์ถูกใช้เรียกเนื้อหาที่สร้างขึ้นมาและนำเสนอโดย ดิจิตอล ครีเอเตอร์ เพื่อเผยแพร่ลงในโซเซียลมีเดียแพล็ตฟอร์มต่างๆ โดยเนื้อหาเหล่านั้น สามารถที่จะเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่ข้อความง่ายๆ รูปภาพคนหรือภาพวิวสวยๆ วีดีโอทำอาหาร ไลฟ์สดกินข้าว ฯลฯ จะเป็นการผสมสื่อหลายๆ ชนิดแบบใดก็ได้ เพื่อให้ชาวเน็ท ผู้ใช้ชีวิตติดโซเซียลเสพกันได้จุใจอย่างในปัจจุบัน

ย้อนกลับไปยังประวัติศาสตร์อันใกล้ ช่วงต้นถึงกลางยุค 2000 เครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้ถือกำเนิดขึ้น แพล็ตฟอร์มแรกๆ ที่นิยมใช้สร้างคอนเทนท์คือ MySpace และ Facebook ก่อนจะเข้าสู่ยุคไมโครบล็อก ที่ผู้คนส่งข้อความขนาดสั้นลงโซเซียล (Twitter/X) และสร้างคอนเทนท์วิช่วล (YouTube) ในปลายยุค 2000 กระทั่งการมาถึงของการผสมผสานฟีเจอร์ในช่วงยุค 2010 แพล็ตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram และ Youtube บวกกับการพัฒนาของโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ที่ทำให้ทุกคนสามารถเป็น content creator ได้ด้วยฟีเจอร์ LiveStreaming ที่ทำให้ถ่ายทอดสดเหตุการณ์สารพัดผ่านมือถือให้ชาวโลกรับรู้ได้ภายในเสี้ยววินาที

และเนื่องจากวิวัฒนาการสังคมออนไลน์นี้กินเวลาเกินกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้มีเด็กๆ เยาวชนมากมายที่เกิดและโตมาด้วยการเสพคอนเทนท์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันคอนเทนท์ครีเอเตอร์ยังกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ก็ทำให้เด็กยุคใหม่หลายคนใฝ่ฝันอยากทำคอนเทนท์เป็นของตัวเองแทบทั้งสิ้น หนังสั้น The Content จึงเหมือนเป็นการสะท้อนมิติการแสดงออกของเยาวชนวัยรุ่นวัยเรียนในยุคนี้ ผู้ไฝ่ฝันอยากจะสร้างสรรค์งานคอนเทนท์ดีๆ ออกสู่โลกออนไลน์ เป็นคอนเทนท์ครีเอเตอร์ ที่มีผู้ติดตาม

ตัวหนัง The Content นำเสนอในด้วยบรรยากาศเบาๆ สบายๆ ของเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ที่มาช่วยกันระดมสมอง คิดคอนเทนท์ลงสื่อออนไลน์ มุมกล้องช่วงเปิดเรื่องแนะนำตัวละครกลุ่มนี้ ทำเป็นการดอลลี่เคลื่อนกล้องผ่านกลุ่มน้องๆ และซูมให้เห็นตัวละครแบบชัดๆ ทีละคน ที่มีบุคคลิกแตกต่างกัน ได้อย่างน่าสนใจ พร้อมเสียงว็อยซ์โอเวอร์ ที่พูดถึงเรื่องคอนเทนท์ในปัจจุบัน และความต้องการสร้างคอนเทนท์ของกลุ่มเด็กๆ ปูอารมณ์คนดูให้รู้ว่าหนังกำลังจะเล่าถึงเรื่องอะไร แต่น่าเสียดายเล็กๆ ที่หนังหักเนื้อเรื่องหักไปเล่าทางอื่น แม้จะยังเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของการทำคอนเทนท์ แต่ไม่ได้แสดงกระบวนการทั้งหมดของการให้ได้มาซึ่งคอนเทนท์ แต่กลับกลายเป็นว่าครีเอเตอร์ทั้งสี่คนได้กลายเป็นคอนเทนท์ไปซะเอง

ในฉากที่แก๊งค์คอนเทนท์กำลังนั่งปรึกษากัน หนังก็ได้แนะนำให้คนดูได้รู้จักตัวละครสำคัญอีกตัวของเรื่อง เป็นนักเรียนชายตัวป่วน พร้อมกับใส่ฉากตลกเข้ามา ด้วยการให้นักเรียนชายสุดกวน ปะทะคารมกับนักเรียนชายที่เข้ามากวนเขา แม้มุกตลกที่เล่นจะงงๆ ไปบ้าง แต่การรับส่งบทระหว่างทั้งสองคนถือว่าทำได้ดี สัมผัสได้ถึงความเบียวที่ซ่อนไว้เบื้องหลัง เพียงแต่ว่าเสียงพูดของตัวละครบางตัวอาจจะก้องเกินไป และพูดไม่ชัดเท่าไหร่ ทำให้จำใจความคำพูดได้ลำบาก

ฉากเข้าห้องน้ำของตัวละครนักเรียนชาย ทำให้นึกถึงฉากเข้าห้องน้ำของแจ็ค หัวหน้าแก๊งค์เด็กตัวใหญ่ จากหนังไทยก้าวพ้นช่วงวัยเรื่องดัง แฟนฉัน บุคคลิกของตัวละครนักเรียนชายก็มีความคล้ายคลึงกับตัวละครของ แจ็ค แฟนฉัน แสดงถึงความห่ามซุกซน ที่พร้อมโต้ตอบกับทุกๆ สิ่งเร้ารอบตัว และไฟ้ทกลับได้แม้กระทั่งข้อความบนฝาผนังในห้องน้ำ ชอบที่หนังพยายามสร้างบุคคลิกตัวละครนี้ขึ้นมา ทำให้เกิดสีสันกับภาพรวมของหนังได้ดีมาก

ช่วงหักเข้าสู่ความสยองขวัญ เริ่มจากฉากที่สาวๆ ทั้งสี่คิดจะทำคอนเทนท์เรื่องผี แต่นักเรียนชายตัวป่วนมาแอบได้ยินเข้า เลยติดตามทั้งสี่สาวไปยังห้องสมุด เพื่อแกล้งหลอกผีสาวๆ ก่อนหนังจะหักเข้าเรื่องสยองขวัญแบบแทรกความตลก โดยฝั่งนักเรียนชาย ที่แอบแกล้งหลอกผีแก๊งสาวคอนเทนท์ กลับดันเจอผีตัวจริงซะเอง ถึงอย่างนั้น ผีที่ถูกใส่เข้ามาในหนังก็ไม่ได้ทำให้โทนเรื่องถูกเปลี่ยนไปสู่ความ Horror แบบเต็มสูบ ตรงกันข้าม กลับให้อารมณ์ความตลกและน่ากลัวไปพร้อมๆ กัน แบบหนังสยิึ๋มกึ๋ย (พ.ศ. 2534) เจ้าของรางวัลตุ๊กตาทองสาขาเทคนิคการแต่งหน้ายอดเยี่ยม โดยมีภาคต่อตามมาอีกสองเรื่อง คือ กึ๋ยทู สยึมกึ๋ย 2 ปีพ.ศ. 2538 และ แก๊งค์ตบผี ปีพ.ศ. 2555 โดยหนังทั้งสามภาคเป็นหนังผีแบบไทยๆ ที่ใส่ความตลกสอดแทรกเข้าไปในความสยองขวัญได้อย่างมีเสน่ห์

อย่างไรก็ตาม ตอนหักไปเล่าเรื่องผี The Content ก็เกิดความไม่สมเหตุสมผลของฉากบางฉาก โดยเฉพาะฉากที่สาวๆ ทั้งสี่เข้าห้องสมุดไปทำคอนเทนท์ผี ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเวลากลางวัน แต่ห้องสมุดกลับมืดสนิท เพราะปิดทั้งหน้าต่างทั้งไฟ และใช้ไฟฉายจากมือถือส่องแทน แต่ก็สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะสาวๆ กลุ่มนี้ต้องการทำคอนเทนท์ผี จึงเข้าไปในห้องสมุดทั้งมืดๆ เพื่อตามรอยเรื่องเล่าตำนานผีของโรงเรียน และได้ใช้มือถือเดินถ่ายไปทั่วห้องสมุดเรื่อยๆ เผื่อเจอเรื่องสยองขวัญที่เอามาเป็นคอนเทนท์ได้

การแสดงของนักแสดงถือว่าทำได้ดี กลุ่มเพื่อนสาวสี่คนเล่นได้เป็นธรรมชาติ รับส่งบทสนทนาได้ดีไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเป็นการท่องบท ไม่มีอาการเกร็ง เช่นเดียวกับนักเรียนชาย ก็แสดงตลกได้เป็นธรรมชาติ แถมด้วยบุคคลิกกวนๆ เพิ่มความน่าสนใจได้มาก ส่วน ผี ถึงจะออกน้อย แต่ก็ทำให้ขนลุกได้

มีฉากท้ายหลังเอ็นเครดิต เล่าเหตุการณ์ต่อจากตอนที่นักเรียนชายเจอผี แล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ช่วงที่กรอภาพเร็วๆ ไปในฉากที่นักเรียนชายเจอผี แล้วขึ้นภาพเป็นหน้าจอ พร้อมปุ่มเพลย์ ทำได้น่าสนใจ เพิ่มสีสันแปลกใหม่ให้หนังโดยภาพรวม